Queen of Tears (ราชินีแห่งน้ำตา) ซีรีย์ที่หลายคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากในตอนนี้!!

Queen of Tears  การก้าวเข้าสู่ความสัมพันธ์ของหญิงสาวนักธุรกิจจากตระกูลร่ำรวยและชายคนรัก ทนายผู้เฉลียวฉลาด กับความรักที่ไม่ใช่มีเพียงพวกเขา      2 คน แต่รายล้อมไปด้วยพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ครอบครัว ธุรกิจมูลค่ามหาศาล และความคาดหวังอีกมากมายในสายตาของสังคม

Queen of Tears คือซีรี่ย์เกาหลีที่หลายคนกำลังให้ความสนใจ ที่นำเสนอเรื่องราวความรักในมุมมองที่แตกต่าง ควบคู่ไปกับประเด็นเชิงสังคมที่แทรกอยู่ภายในเรื่องก่อให้เกิดการครุ่นคิด ตั้งคำถาม เรียนรู้สภาพสังคมและวัฒนธรรมของเกาหลีได้อย่างน่าสนใจ

หลังการแต่งงาน มีโลกแห่งความเป็นจริงอะไรที่รอคู่สามีภรรยาอยู่บ้าง เพราะความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นเรื่องที่เรียนรู้ได้ไม่สิ้นสุด ตั้งแต่แรกรัก จืดจาง ร้างรา อิทธิพลจากครอบครัว เรื่อยมาจนมาถึงการรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาว

มาเรียนรู้ชีวิตคู่จากซีรีส์รักที่บอกเล่าการร้างรา และชุบชูหัวใจที่แตกสลาย เรื่องราวของ ราชินีแห่งน้ำตา อาจจะได้ทำให้เราหันกลับมาทบทวนการใช้ชีวิตและการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้

การสร้างครอบครัวเริ่มต้นด้วยคน 2 คน เรารักกันได้อย่างไร คู่รักมักจะถูกถามด้วยคำถามเหล่านี้เสมอ ฮงแฮอิน (รับบทโดย คิมจีวอน) นักธุรกิจสาวสวย ทายาทของมหาอำนาจทางธุรกิจอย่าง ควีนส์กรุ๊ป ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ ก่อนหน้าที่จะมารับตำแหน่งผู้นำธุรกิจ ฮงแฮอินเคยปลอมตัวเป็นเด็กฝึกงานและได้พบกับ แบคฮยอนอู (รับบทโดย คิมซูฮยอน) ทนายหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง แบคฮยอนอูตกหลุมรักฮงแฮอิน โดยที่ยังไม่รู้ว่าเธอคือทายาทมหาเศรษฐี

ความรักของทั้งคู่ที่เริ่มต้นอย่างสวยงามราวกับเทพนิยาย เมื่อเจ้าหญิงได้พบกับชายหนุ่มธรรมดาที่รักเธออย่างจริงใจ ไม่ใช่เพราะเธอเป็นทายาทตระกูลที่ร่ำรวย ความกล้า ความเด็ดเดี่ยวในการทำตามหัวใจตนเองของฮงแฮอินและแบคฮยอนอูทำให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน ภาพความรักที่สวยงาม งานแต่งงานแห่งศตวรรษสุดยิ่งใหญ่ คู่รักตัวอย่างที่หลายคนจับตามอง แรกรักของคนทั้งคู่ก็อบอวลไปด้วยความอบอุ่น ราวกับภาพฝัน

ทว่าความรักที่เห็นอย่างหวานชื่นกลับไม่ใช่เวลา ณ ปัจจุบัน ภาพความรักเหล่านั้นคืออดีตที่ผ่านไปแล้ว ซีรี่ย์บอกเล่าช่วงเวลาในอดีตด้วยภาพสีสันชวนฝัน ตัดสลับกับกับภาพปัจจุบันที่จืดจาง ห่างเหิน ชีวิตใน 1 วันของคู่แต่งงานซึ่งอยู่กันมา 3 ปีกลายเป็นความจำเจ ตื่นนอน กินข้าวเช้าด้วยกัน (แบบอยู่ห่างกันคนมุมโต๊ะ) ไปทำงานด้วยกัน ตอนเย็นกลับมาเจอกัน เป็นความธรรมดาและน่าเบื่อ อะไรที่ทำให้ความรักของคนทั้งคู่เริ่มหมดความหวาน เรื่องราวในซีรีส์เปิดเผยทีละเล็กทีละน้อย คลี่ภาพนั้นให้เราเห็น

คู่รักที่ความสัมพันธ์เริ่มจืดจาง หลังจาก 3 ปีแรกของการแต่งงานปรากฏให้เราเห็นในซีรี่ย์ ตั้งแต่การแยกห้องนอน ความคิดเห็นขัดแย้งกัน การไม่พูดคุย ไม่สื่อสารกัน ไม่มี Magic Moment ในวันพิเศษ วันสำคัญ โดยเฉพาะมุมมองจากแบคฮยอนอู ฝ่ายชายที่ดูเหมือนจะด้อยกว่าฝ่ายหญิง แต่สิ่งที่มีเหนือกว่าคือความน่ารัก อ่อนโยน เห็นอกเห็นใจ ใส่ใจความรู้สึกของผู้คนมากกว่า

ในวันที่ตัดสินใจว่าจะขอหย่า เขากำลังจะบอกฮงแฮอิน แต่ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายกว่านั้น ฮงแฮอินบอกเขาว่าเธอป่วยเป็นเนื้องอกชนิดพิเศษและอยู่ได้อีกเพียง 3 เดือน ความรู้สึกตอนนั้นของแบคฮยอนอูที่หนักอึ้งเปลี่ยนไปในทันที เขาจึงตัดสินใจไม่บอกเธอ ยิ่งทำให้เรื่องราวน่าติดตามมากขึ้นว่า แล้วความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จะดำเนินไปอย่างไรซีรีส์เรื่องนี้จึงเป็นทั้งภาพสะท้อนสถานการณ์ปัญหาเชิงสังคม ขณะเดียวกันก็อาจเป็นอีกหนึ่งพลังอันอ่อนโยนที่ทำให้ชาวโสมขาวใส่ใจเรื่องความสัมพันธ์และการดูแลครอบครัวมากยิ่งขึ้นก็อาจเป็นได้

ต้นเรื่องซีรี่ย์ฉายภาพให้เห็นระยะห่างในความสัมพันธ์ระหว่าง ฮงแฮอินและแบคฮยอนอู ที่มีให้เห็นเพิ่มมากขึ้น ความไม่ลงรอยกันทางความคิด การไม่สื่อสารความรู้สึกของกันและกัน การมีลูกเพราะเป็นหน้าที่ รวมถึงการไม่ได้ตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิตด้วยตนเอง ตกลงแล้วพวกเขาเป็นเจ้าของความรักของตนเองได้หรือไม่ หรือความรักของพวกเขาขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ในครอบครัวที่แวดล้อมและคอยบอกว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ

สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในความสัมพันธ์ของครอบครัวคนมีฐานะคือการมีแม่สื่อ คอยแนะนำและเชื่อมต่อให้บรรดาลูกหลานของครอบครัวผู้มีฐานะได้ทำความรู้จักกัน หรือการมีความรักกลายเป็นการสานสัมพันธ์เชิงธุรกิจ สร้างอำนาจให้กับครอบครัวของตนเอง แม่สื่อในเรื่องยังมองเรื่องความสัมพันธ์เป็นเรื่องการใช้อำนาจมากกว่าความรัก สิ่งที่แม่สื่อพูดกับแบคฮยอนอูว่า เขาอาจไม่ได้มีความสำคัญกับครอบครัวนี้มากนัก ด้วยความน่ารักและใจดี เขาแค่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของตระกูลฮงให้ดูดีขึ้นเท่านั้นเองขณะเดียวกันการต่อต้านความคิดของคนรุ่นพ่อแม่ก็มีให้เห็น การปฏิเสธแม่สื่อแล้วเลือกแต่งงานด้วยตนเอง หรือการไม่แต่งงานในสังคมเอเชียเริ่มมีมากขึ้น ฮงแฮอินจึงเป็นตัวแทนผู้หญิงรุ่นใหม่ที่คิดและตัดสินใจด้วยตนเอง มีฉากหนึ่งที่เธอปฏิเสธการรู้จักกับแม่สื่ออย่างตรงไปตรงมา

ขณะที่แบคฮยอนอูแทบจะไร้คนที่เป็นมิตรแท้ในครอบครัวของภรรยา เขาพูดความรู้สึกของตนเองออกไปไม่ได้จนต้องไปพึ่งพาจิตแพทย์ แบคฮยอนอูเข้าไปปรึกษาจิตแพทย์ว่าเขาไม่ค่อยมีความสุขจากการอยู่ร่วมกับครอบครัวของภรรยา ต้องเจอกันตั้งแต่เช้าถึงเข้านอน ซึ่งจิตแพทย์บอกว่าการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวขยายที่มีคนหลายรุ่น-หลายวัยในยุคนี้พบไม่ค่อยมากนัก เขาโชคดีมาก แต่แบคฮยอนอูกลับบอกว่าเวลาที่มีทั้งหมด เขาไม่ค่อยได้อยู่กับตัวเองเลย ทุกเทศกาล เช่น ปีใหม่ คริสต์มาส วันหยุด วันรำลึกผู้ที่จากไป วันเกิด เขาล้วนใช้ไปกับครอบครัวภรรยาทั้งหมด

ความมีอำนาจของตระกูลฮงที่ทำได้ทุกอย่าง คุณปู่ และ คุณพ่อ ของฮงแฮอินคือบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลมาก พวกเขาไม่ยอมถูกหักหลัง และพยายามขยายอำนาจของตนเอง ลูกหลานที่เกิดจากสมาชิกในตระกูลต้องใช้นามสกุลฮง แม้ว่าแบคฮยอนอูจะพยายามต่อรองว่าหากมีลูกอยากให้ใช้นามสกุลของเขามากกว่าก็ทำไม่ได้ การทรงอำนาจของตระกูลนี้ยังเล่าผ่านความหรูหราในการใช้ชีวิต ทั้งบ้านหลังใหญ่ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เป็นที่สนใจของสังคม มีสื่อมาติดตามทำข่าว รวมถึงการมีที่ดินมหาศาล มีกิจกรรมแบบคนรวย เช่น การออกล่าสัตว์ในผืนป่าขนาดใหญ่

ราชินีแห่งน้ำตา คืออีกหนึ่งซีรี่ย์เกาหลีที่เข้มข้นและน่าติดตาม ทั้งเส้นเรื่องในเรื่องความรักของคู่พระนาง ต้นทุนทางสังคมของทั้งสองที่มีดีคนละมุม รายล้อมด้วยการสะท้อนภาพครอบครัว 2 ชนชั้น คนร่ำรวยในเมืองใหญ่ ทรงอำนาจ กับความจริงใจ ความเป็นมิตรของครอบครัวคนชนบท ประกอบกับการเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิง ตัดสลับไปมาระหว่างช่วงรักกันหวานชื่นกับสถานการณ์ปัจจุบันของคู่รักอีกฝ่ายพยายามหาทางจะจบความสัมพันธ์ความรักที่ดูเหมือนใกล้ร้างรา จะกลับมามีความหมายได้อีกครั้งหรือไม่ นี่คือซีรีย์รักที่กำลังจะบอกว่าทุกความรัก และ ทุกความสัมพันธ์ ล้วนมีปัญหา ทว่าเราแต่ละคนคงมีวิธีการที่จะชุบชูมัน เห็นคุณค่าของกันและกัน อยู่ร่วมกัน หรือแยกย้ายกันไปตามเส้นทางที่งดงามของตนเองก็ได้เช่นกัน

เชื่อแน่ว่าการดูซีรีย์เรื่องนี้จะทำให้เราได้ทบทวนชีวิตครอบครัว และ เสียน้ำไปกับความงดงามของการรักได้รักใครสักคนอย่างมีคุณค่า พร้อมที่จะเรียนรู้ เติบโต และ ใช้ชีวิตอย่างมีความหมายไปด้วยกัน